อิซุโมะ ดินแดนของเหล่าเทพเจ้า (Izumo, The City of Gods)
เมื่อได้ยินชื่ออิซุโมะเป็นครั้งแรก ผมตั้งคำถามในใจว่าเมืองเล็กๆแห่งนี้มีอะไรให้เราค้นหา ทำไมพูดถึงเมืองนี้กับคนญี่ปุ่นที่ผมรู้จัก หลายๆคนจะทำหน้าประหลาดใจ ราวกับว่าเป็นเมืองที่คนญี่ปุ่นทั้งประเทศรู้จักดี และในชีวิตหนึ่งต้องไปเยี่ยมดูสักครั้ง ทำไมนักท่องเที่ยวธรรมดาๆอย่างผมถึงรู้จักเมืองเล็กๆแห่งนี้
ชื่อเมืองนี้ประกอบไปด้วยสองตัวอักษร 出=ออก 雲=เมฆ บ้างก็บอกว่าเป็นเมืองที่ออกมาจากเมฆหรือเป็นเมืองที่สามารถมองเห็นเมฆได้ บ้างก็บอกเป็นเมืองที่เหล่าเทพออกมาจากเมฆ แต่ที่แน่ๆคือเมืองนี้ถือเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเลยครับ
ศาลเจ้าอิซุโมะ ไทฉะ เป็นที่แรกที่หลายๆคนพูดถึงเมื่อมายังอิซุโมะ เปรียบเสมือนจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ข้างหน้าจะมีอะไรรอผมอยู่บ้างนะ?
ความรู้สึกแรกหลังจากที่ผมมาถึงศาลเจ้าอิซุโมะ ไทฉะ ก็คือความสมบูรณ์ของต้นไม้ต่างๆในสวนที่เรียงรายอยู่เต็มพื้นที่ เรียกได้ว่ามองไปทางไหนก็สัมผัสได้ถึงธรรมชาติอันสมบูรณ์ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รักษาไว้
ระหว่างที่เดินไปตามทาง จะมีทางที่ขนานกัน 3 เส้น โดยที่ตรงกลางนั้นถือเป็นทางเดินของเทพเจ้าครับ
แล้วทำไมเทพเจ้าต้องมาที่นี่ด้วยล่ะ?
ทุกๆเดือนที่ 10 ตามปฏิทินจันทรคติจะเรียกว่าคันนะซุกิ หรือ “เดือนไร้เทพ” ซึ่งมีที่มาคือเทพทุกองค์จะออกเดินทางมารวมกันที่นี่ ด้วยเหตุนี้ทำให้บริเวณเมืองอิซุโมะเรียกชื่อเดือนนี้ว่าคามิอาริซุกิ หรือ”เดือนแห่งเทพ”นั่นเองครับ จินตนาการถึงภาพเหล่าเทพต่างๆกำลังเดินทางสู่ศาลเจ้าโดยใช้ทางเดินตรงกลางนั้นทำให้ผมอดขนลุกไม่ได้ นี่แหละความยิ่งใหญ่ของอิซุโมะ ไทฉะ
ผมว่าสิ่งที่หลายๆคนอยากฟัง (โดยเฉพาะสาวๆ) ก็คือเทพที่ประจำอยู่ ณ ศาลเจ้าแห่งนี้คือ ”เทพแห่งการพบเจอที่สวยงาม” ผมไม่รู้จะหาคำไทยคำไหนที่เหมาะสมจะมาอธิบายได้ ถ้าจะให้ใกล้เคียงหน่อยก็น่าจะเป็นคำว่า “พรหมลิขิต” ล่ะมั้งครับ
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ใครๆก็มาอธิฐานเพื่อหา “พรหมลิขิต” ของตัวเองกัน
อันที่จริงแล้วตำนานที่เกี่ยวข้องกับอิซุโมะนั้นยังมีอีกมาก และอิซุโมะยังถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของญี่ปุ่นตามบันทึกต่างๆอีกด้วย
หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติ ก็เข้ามาสู่เขตศาลเจ้า ทุกอย่างดูยิ่งใหญ่และสะอาดตาสมกับการเป็นศูนย์รวมของเหล่าเทพเจ้า ผมนึกย้อนไปถึงแรงกายแรงใจของคนญี่ปุ่นที่ตั้งใจสร้างสถานที่นี้มาเพื่อให้สมศักดิ์ศรีเหล่าเทพเจ้าต่างๆ ความสามารถของคนญี่ปุ่นนั้นทำให้ผมทึ่งได้เสมอ
จุดสังเกตจุดนึงที่เด่นมากๆก็คือเชือกศักดิ์สิทธิ์หรือ “ชิเมะนะวะ” หน้าอาคารใหญ่ที่ใช้ทำพิธีนั้นเป็นเชือกศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยครับ
คำนับ 2 ครั้ง ปรบมือ 4 ครั้ง แล้วจบด้วยการคำนับอีกหนึ่งครั้ง นี่คือวิธีที่ถูกต้องในการขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ครับ
การที่ได้มาที่นี่ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนๆคนญี่ปุ่นถึงแสดงท่าทางตื่นเต้นเวลาที่ผมบอกว่าผมจะมาเที่ยวที่อิซุโมะ มันเป็นที่ที่อยู่ในหัวใจของคนญี่ปุ่นจริงๆ
