第八話ประสบการณ์จากเมืองอิซูโมะ หน้าที่ 8

เดินชมซากิอุระ ท่าเรือรอลม

ที่นี่เต็มไปด้วยสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย ทั้งธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของทะเลและภูเขา และยังมีสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดชม พร้อมทั้งสามารถสัมผัสกับบรรยากาศแสนสบายใจได้จากอาคารบ้านเรือนและผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ ชื่อร้านค้าของผู้ขนส่งทางเรือแบบโบราณที่ยังมีอยู่จนถึงปัจจุบันและอาคารที่ชวนให้นึกถึงอดีต รวมทั้งยังมีศาลเจ้าอินาเสะฮากิที่เป็นศาลเจ้าเสริมของศาลเจ้าอิซุโมะไทฉะอีกด้วย

ancient japan izumo

อ่าวซากิอุระ

อ่าวธรรมชาติที่งดงามที่ซากิอุระ เปรียบเสมือนที่หลบภัยบนชายฝั่งที่ถูกซัดกระหน่ำด้วยคลื่นลมแรง จึงดึงดูดให้มีผู้คนมาอาศัยอยู่ที่นี่อย่างต่อเนื่องตลอดหลายพันปี อ่าวลึกมีทางเข้าแคบและโอบล้อมด้วยเนินเขาจึงปลอดภัยจากลม อีกทั้งยังมีเกาะคาชิวะตั้งเหมือนเป็นแนวกั้นคลื่นป้องกันให้อีกชั้นที่ปากอ่าว

ancient japan izumo

ในช่วงกลางของสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867) ญี่ปุ่นมีความเจริญรุ่งเรืองมาก เรือสินค้าจากเกียวโตและโอซาก้าล่องเรือผ่านทะเลญี่ปุ่นและแวะค้าขายรวมทั้งนำความเจริญไปสู่เมืองท่าเลียบชายฝั่งเกาะฮอนชูทางตอนเหนือ ซากิอุระก็เฟื่องฟูอย่างยิ่ง พร้อมพรั่งไปด้วยผู้ประกอบกิจการค้าส่ง ที่พัก เหล่าลูกเรือสามารถนำเรือเข้ามาจอดทอดสมอได้อย่างปลอดภัยเพื่อรอเวลาให้ทิศทางลมเป็นไปอย่างที่ต้องการ จุดตรึงเรือที่สลักไว้บนก้อนหินที่เรียงรายอยู่ริมทะเลฝั่งตะวันตกของเมืองยังคงหลงเหลือให้เห็นได้อย่างชัดเจนจนถึงวันนี้ บางจุดจะเห็นได้ถึงร่องที่ทำไว้เพื่อสร้างจุดยึดให้กับเชือกโยงเรือ

ancient japan izumo

ระหว่างสมัยเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) และสมัยไทโช (ค.ศ. 1912-1926) มีเรือสินค้าจากโอซาก้ามาเทียบท่าที่ซากิอุระเป็นประจำ เรือที่ขนข้าวจากโทโฮคุ ปลานิชิน (ปลาเฮอริ่งแปซิฟิก) และสาหร่ายคมบุจากฮอกไกโดทำให้การค้าในเมืองแห่งนี้เติบโตอย่างมาก ในช่วงปี 1888 ซึ่งเป็นช่วงที่เมืองรุ่งเรืองที่สุด เชื่อกันว่าในแต่ละปีบริษัทเรือต้องดูแลเรือกว่า 100 ลำ

ancient japan izumo

ปัจจุบันอุตสาหกรรมหลักของชาวซากิอุระคือการประมง อ่าวซากิอุระยังคงเป็นสถานที่สำคัญสำหรับชาวประมงในท้องถิ่นอยู่จนทุกวันนี้ ทะเลที่คาบสมุทรชิมาเนะเต็มไปด้วยปลาฮามาจิ อิซากิ ซาวาระ ปลาหมึก และปลาคาเรอิที่มีคุณภาพดี นอกจากนี้ ชาวประมงบางส่วนยังประกอบธุรกิจเรือนำเที่ยวตามแนวชายฝั่งที่เต็มไปด้วยหิน โพรงถ้ำที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลที่มีรูปร่างแปลกตา ถ้ำขนาดเล็ก ต่ำลงไปจากแนวหน้าผาหินขรุขระที่ชายฝั่งมีเกาะกระจัดกระจายกันอยู่ เกาะจำนวนมากเหล่านี้เดินทางไปได้ด้วยเรือเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังมีความงดงามที่ตราตรึงใจ

ถ้าเดินทางมาเที่ยวที่นี่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกรกฎาคมก็จะได้เห็นฝูงนกนางนวลหางดำที่ท่าเรืออีกด้วย นกนางนวลหางดำซึ่งจะมาที่ชิมาเนะทุกปีในช่วงฤดูผสมพันธุ์เหล่านี้มีเสียงร้องที่แปลกเหมือนแมวทำให้แยกแยะจากนกนางนวลชนิดอื่นได้ง่าย ทำให้มันมีชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นว่า "อุมิเนโกะ (แมวทะเล)"

อ่าวซากิอุระ

1044-1 ซางิอุระ ไทฉะ-โช เมืองอิซุโมะ จังหวัดชิมาเนะ (แผนที่)

เบอร์โทรศัพท์ : 0853-53-5635

เวลาทำการ : 8:30-22:00

ศาลเจ้าอินาเสะฮากิ

ใน "อิสึโมะโนะคุนิฟุโดคิ" บันทึกประวัติศาสตร์เล่มแรกก็มีกล่าวถึงศาลเจ้าแห่งนี้

ศาลเจ้าอินาเสะฮากิเป็นศาลเจ้าที่ขึ้นตรงกับศาลเจ้าอิสึโมะไทชะ ความสัมพันธ์ของศาลเจ้าทั้งสองแห่งนี้มีกล่าวถึงอยู่ในตำนานเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงว่า เทพเจ้าอินาเสะฮากิโนะมิโคโตะได้พยายามอย่างมากที่จะทำให้โอคุนินุชิโนะคามิเทพเจ้าแห่งศาลเจ้าอิสึโมะไทชะยินยอมที่จะมอบดินแดนให้กับเทพอามาเทราสึโอมิคามิและทายาท ด้วยเหตุนี้เทพโอคุนินุชิโนะคามิจึงได้รับการบูชาไว้คู่กันในอีกชื่อหนึ่งคือยาจิโฮะโคโนะคามิ นอกจากนี้นักบวชชั้นสูงของศาลเจ้าอิสึโมะไทชะยังเชื่อกันว่าสืบเชื้อสายมาจากเทพอาเมโนะโฮฮิ บิดาของเทพอินาเสะฮากิโนะมิโคโตะอีกด้วย

ความสัมพันธ์ระหว่างศาลเจ้าอิสึโมะไทชะและศาลเจ้าอินาเสะฮากิยังปรากฏให้เห็นอยู่ในรายละเอียดทางโครงสร้างของศาลเจ้าจำนวนมากอีกด้วย รูปปั้นโคมาอินุ (สุนัขพิทักษ์) ที่ทางเข้าศาลเจ้าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของศาลเจ้าที่มีความเกี่ยวข้องกับศาลเจ้าอิสึโมะไทชะ อุโบสถหลักของศาลเจ้าอินาเสะฮากิก็มีลักษณะเหมือนศาลเจ้าอิสึโมะไทชะ คือสร้างด้วยไม้ที่ไม่มีการขัดแต่งขั้นสุดท้าย และสร้างเป็นแบบยกพื้นสูง และล้อมด้วยรั้วไม้ ทุกครั้งที่มีการบูรณะซ่อมแซมศาลเจ้าอิสึโมะไทชะ ศาลเจ้าอินาเมะฮากิก็จะได้รับการบูรณะใหม่ด้วย ในปี 1744 มีการนำไม้ที่เหลือจากการสร้างศาลเจ้าอิสึโมะไทชะไปใช้ในการบูรณะซ่อมแซมศาลเจ้าอินาเสะฮากิด้วย แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองศาลเจ้านี้ได้เป็นอย่างดี

เทพอินาเสะฮิกิโนะมิโคโตะได้ชื่อว่าเป็นเทพที่สามารถรักษาโรคไข้ทรพิษได้ และเชื่อกันว่าหากนำก้อนหินเล็กๆ หนึ่งก้อนจากศาลเจ้าแห่งนี้พกติดตัวไว้ในเสื้อผ้าจะช่วยขับไล่โรคนี้ได้ มีบันทึกไว้ว่าหลังจากเหล่าพระโอรสหายจากโรคไข้ทรพิษ จักรพรรดิโมโมโซโนะ (ค.ศ. 1741-1762) ได้นำโคมไฟตราดอกเบญจมาศสองดวงของราชวงศ์มาถวายให้กับที่ศาลเจ้าเพื่อแสดงความขอบคุณ ซึ่งศาลเจ้าอินาเสะฮากิจะมีการจัดพิธีกรรมในวันที่ 8 ตุลาคมของทุกปี

ศาลเจ้าอินาเสะฮากิ
เว็บไซต์

120 ซางิอุระ ไทฉะ-โช เมืองอิซุโมะ จังหวัดชิมาเนะ (แผนที่)

เบอร์โทรศัพท์ : 0853-53-0204

แม่น้ำยาจิโยะ

แม่น้ำที่มีน้ำใสแจ๋วซึ่งถูกคั่นไว้ด้วยแนวต้นซากุระสายนี้ไหลผ่านด้านข้างของศาลเจ้าอินาเสะฮากิไปลงทะเลที่อ่าวซากิอุระ สายน้ำที่บริสุทธิ์แห่งนี้เป็นที่อาศัยในอุดมคติสำหรับกบคาจิกะที่มีเสียงร้องอันไพเราะท่ามกลางธรรมชาติ กบคาจิกะเป็นกบแม่น้ำที่มีอยู่เฉพาะในญี่ปุ่น ลักษณะคือมีผิวสีน้ำตาลอมเทาและมีลำตัวแบน ในช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคม กบคาจิกะตัวผู้จะมายึดครองก้อนหินในแม่น้ำยาจิโยะเพื่อใช้หาคู่

ancient japan izumo

ชาวเมืองซากิอุระจะมีการจัดงานชมธรรมชาติยามกลางคืนขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี เพื่อมารื่นรมย์กับเสียงร้องอันไพเราะของกบชนิดนี้ แสงจากเทียนที่ใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่จะสว่างเรียงรายไปตามริมแม่น้ำเป็นทางยาว 30-40 เมตร เพื่อให้ผู้คนที่มากันเป็นครอบครัวได้ชื่นชมหิ่งห้อยไปพร้อมๆ กับฟังเสียงร้องของกบคาจิกะ

แม่น้ำยาจิโยะ

ซางิอุระ ไทฉะ-โช เมืองอิซุโมะ จังหวัดชิมาเนะ (แผนที่)

เส้นทางเดินเล่นซากิอุระ (อุทยานแห่งชาติ)

เส้นทางเดินเล่นซากิอุระเริ่มต้นจากชายทะเลฝั่งตะวันตกของเมือง ไต่ระดับขึ้นไปจนถึงยอดเนินเขาฝั่งตะวันตกที่มองเห็นได้ทั่วอ่าวซากิอุระ เพื่อให้ได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของแนวชายฝั่งจากที่สูงอย่างเต็มตา โดยเป็นระยะทางที่มีความยาวประมาณ 2.5 กม. และที่ประมาณกึ่งกลางของเส้นทางจะมีทางแยกที่เรียกว่าเส้นทางอุเมนาดะซึ่งนำไปสู่ชายทะเลที่ห่างไกลผู้คน เส้นทางหลักสามารถเดินไปได้ถึงประภาคารซากิอุระ ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองเห็นเกาะเล็กเกาะน้อยและถ้ำเล็กๆ ตามแนวชายฝั่งได้อย่างทั่วถึง หน้าผาที่ประภาคารตั้งอยู่มีถ้ำที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในพื้นที่นี้อยู่ด้วย

ancient japan izumo

ตามริมถนนส่วนใหญ่จะเป็นแนวต้นสน แต่ก็มีภาพต้นไม้ติดผลและมีดอกไม้ต่างๆ เบ่งบาน เช่น เบย์เบอร์รี่ญี่ปุ่น เกาลัด มะเยาหิน และคาร์มีเลียญี่ปุ่นนั้นน่าประทับใจมาก และในบริเวณนี้ยังมีกวางและหมูป่าอาศัยอยู่ด้วย

เกาะคาชิวะและเทศกาลกงเก็น

เกาะคาชิวะซึ่งเป็นโขดหินหยาบตั้งอยู่ที่ปากอ่าวซากิอุระนั้นมองไปก็เหมือนคลื่น เกาะคาชิวะทำหน้าที่เหมือนแนวกันคลื่นตามธรรมชาติ ปกป้องเมืองให้ปลอดภัยจึงมีความสำคัญและได้รับการเคารพนับถือมาอย่างยาวนาน เมื่อเดินขึ้นบันไดหินหยาบๆ เลียบแนวหน้าผาที่ทอดยาวไปถึงที่สูงบนเกาะก็จะได้พบกับศาลเจ้าคาชิวะตั้งอยู่ใต้หินที่โผล่ยื่นออกมา เทพเจ้าที่ได้รับการบูชาอยู่ที่นี่มี 2 องค์ ได้แก่เทพซูซาโนะโอโนะมิโคโตะเทพเจ้าผู้ดุร้ายของชินโต และเทพเอบิสึเทพผู้คุ้มครองชาวประมง

ancient japan izumo

ในเวลาพระอาทิตย์ตกดินในวันที่ 31 กรกฎาคมของทุกปี ชาวเมืองจะพากันจัดงานเทศกาลกงเก็นขึ้น โดยมีเจ้าอาวาสของวัดเป็นผู้ทำพิธี ชาวเมืองจะแยกย้ายกันลงเรือ โดยเรือจะมีการประดับตกแต่งเป็นพิเศษสำหรับงานเทศกาลด้วยโคมไฟและธงปลาผืนใหญ่ที่แสดงให้เห็นว่ามีปลาอุดมสมบูรณ์มากเป็นพิเศษ ชาวประมงจะนำเรือแล่นตามกันวนรอบเกาะคาชิวะ เพื่อขอพรให้ในปีถัดไปมีความปลอดภัยและมีปลาอย่างอุดมสมบูรณ์

อาคารบ้านเรือนในซากิอุระ

ที่นี่แตกต่างจากเมืองอื่นที่มีย่านประวัติศาสตร์เพียง 1-2 แห่ง เพราะเมืองซากิอุระทั้งเมืองจะทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในยุคอื่น บ้านเรือนในเมืองประดับประดาด้วยการตกแต่งทางสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ถนนส่วนใหญ่แคบเกินกว่าที่รถจะผ่านได้ ทัศนียภาพที่นี่ยังคงเหมือนในช่วงปลายยุค 1800 ไปจนถึงช่วงต้นยุค 1900 เมื่อมองจากเนินเขาทางฝั่งตะวันออกของเมืองจะเห็นหลังคากระเบื้องแดงของซากิอุระอัดแน่นกันอยู่ระหว่างเนินเขาและอ่าวที่ช่วยป้องกันศัตรูจากภายนอก เมื่อเดินลงเขาไปไม่ไกลนักก็จะพบกับอุโมงค์สั้นๆ ที่สร้างขึ้นในปี 1933 เพื่อเชื่อมซากิอุระกับพื้นที่อุโดะซึ่งอยู่ติดกัน ทางฝั่งซ้ายที่ทางเข้าอุโมงค์มีรูปสลักหิน และมีศาลเล็กๆ ที่ด้านในมีเศษหินสลักสัทธรรมปุณฑรีกสูตร (คัมภีร์ของพุทธศาสนา) ที่ค้นพบตอนขุดอุโมงค์

ancient japan izumo

ใกล้ๆ ทางเข้าอุโมงค์จะมีคฤหาสน์ชิโอดะซึ่งตระกูลเดียวกับที่ดูแลเหมืองเงินอิวามินั้นเป็นเจ้าของอยู่ รูปสลักนกกระเรียนสีแดงที่สง่างามบนจั่วหลังคาบ้านเป็นสิ่งที่คนรับใช้ประจำบ้านหลังนี้ทำขึ้นในช่วงต้นสมัยไทโช (ค.ศ. 1912-1926) เมื่อลงเนินไปอีกนิดก็จะพบกับร้านค้าที่มีมาตั้งแต่ช่วงปลายสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867) กำแพงและประตูที่อยู่ด้านนอกสุดทำจากโคลนที่ทาทับกันไว้จนหนา ซึ่งกำแพงโคลนนี้ทำไว้เพื่อป้องกันไฟไหม้

บ้านหลายหลังที่หันหน้าเข้าหาอ่าวจะมีผนังทำจากไม้ไผ่ เพื่อป้องกันด้านทิศเหนือของตัวบ้านจากลมหนาวที่พัดมาจากทะเลในฤดูหนาว ชิวาคุยะที่อยู่ใกล้ๆ คืออาคารที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867) โดยในอดีตเป็นโรงเก็บของของพ่อค้าเกลือผู้ร่ำรวย ปัจจุบันเปิดให้บริการเป็นแกลลอรีงานศิลปะและคาเฟ่

ธรรมชาติในพื้นที่ซากิอุระ

แม้เวลาจะผ่านไปหลายศตวรรษแล้ว แต่ในละแวกนี้รอบๆ ซากิอุระยังแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย เนินเขาที่ปกคลุมด้วยป่ายังคงโอบล้อมทั้งสามด้านของเมืองเอาไว้ เส้นทางเดินเล่นซากิอุระที่เริ่มต้นจากชายทะเลฝั่งตะวันตก ตัดผ่านที่อยู่อาศัยของกวางและหมูป่าเป็นระยะทางยาว 2.5 กม. นั้นเขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้ทั้งเบย์เบอร์รี่ญี่ปุ่น เกาลัด มะเยาหิน และคาร์มีเลียญี่ปุ่น ฯลฯ จากเส้นทางนี้นักเดินเขาสามารถใช้เส้นทางแยกไปยังแหลมที่เป็นจุดเล่นน้ำทะเลซึ่งห่างไกลจากตัวเมืองได้ จุดสิ้นสุดเส้นทางเดินเล่นจะอยู่บนยอดเนินฝั่งตะวันตกของแหลมที่มองเห็นวิวทะเลได้อย่างกว้างขวางแบบพาโนรามา ภาพหน้าผาสูงตามแนวชายฝั่ง ถ้ำที่เกิดจากน้ำทะเลกัดเซาะ เกาะรูปร่างซับซ้อนที่เกิดจากหินภูเขาไฟที่มองเห็นได้จากจุดนี้น่าประทับใจอย่างยิ่ง และได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติไดเซ็นโอคิ

ancient japan izumo
ancient japan izumo

เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์ก็จะมีนกนางนวลหางดำที่อพยพมายังคาบสมุทรชิมาเนะเกาะอยู่ตามเขื่อนหรือแนวกันคลื่นให้เห็นได้ทั่วไปในอ่าวซากิอุระ เสียงร้องของนกชนิดนี้แยกแยะง่ายเพราะคล้ายเสียงแมว และชื่อเรียกของมันในภาษาญี่ปุ่นคืออุมิเนโกะ (แมวทะเล)

สัตว์ที่มีเสียงร้องแปลกยังมีอยู่อีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือกบคาจิกะที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำยาจิโยะที่ไหลลงสู่อ่าว เสียงที่พวกมันร้องประสานกันในยามกลางคืนของฤดูร้อนว่ากันว่าเหมือนเสียงร้องของกวางตัวผู้ที่ร้องหาคู่ในฤดูใบไม้ร่วง

ความงดงามตราตรึงใจของพื้นที่ละแวกนี้ส่วนใหญ่หาชมได้จากท้องทะเล ทัวร์นำเที่ยว (ล่องเรือ) ที่พาชมถ้ำที่เกิดจากน้ำทะเลกัดเซาะทางตอนเหนือของอ่าวและหน้าผาหินขรุขระมีให้บริการโดยบริษัทนำเที่ยวในท้องถิ่น

ประวัติศาสตร์ในพื้นที่ซากิอุระ

ancient japan izumo

ซากิอุระมีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่โบราณ บันทึกที่มีการกล่าวถึงซากิอุระเป็นครั้งแรกคือ "อิสึโมะโนะคุนิฟุโดคิ" ซึ่งมีการบันทึกรวบรวมตำนานในท้องถิ่นในปี 733 โดยในบันทึกดังกล่าวซากิอุระถูกเรียกว่า "ซากิฮามะ" นอกจากนี้ศาลเจ้าอินาเสะฮากิยังได้รับการกล่าวถึงตำนานเทพเจ้าใน "นิฮงโชกิ" ที่มีการบันทึกในปี 720 จนถึงช่วงกลางสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867) มีเรือสินค้าจากเกียวโตและโอซาก้าซึ่งล่องเรือมาตามทะเลญี่ปุ่นแวะมาที่นี่เป็นประจำ ท่าเรือทำให้ซากิอุระเจริญรุ่งเรือง พรั่งพร้อมไปด้วยบริการที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายและที่พัก ทั้งยังมีจุดจอดเรือทอดสมอได้อย่างปลอดภัยเพื่อรอให้ทิศทางลมเป็นอย่างที่ต้องการ นอกจากนี้พ่อค้าส่งในท้องถิ่นก็ทำหน้าที่จัดการการขนส่งสินค้าที่มาจากพื้นที่ห่างไกลในประเทศญี่ปุ่น ชิวาคุยะในอดีตเป็นโรงเก็บของ ปัจจุบันเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ ความมั่งคั่งของที่นี่ได้มาจากการขนส่งเกลือมาจากหมู่เกาะชิวาคุในทะเลในเซโตะ

ตั้งแต่สมัยเมจิ (ค.ศ. 1868-1912) จนถึงสมัยไทโช (ค.ศ. 1912-1926) ซากิอุระคือเมืองท่าแวะพักที่มีเรือสินค้าจากโอซาก้ามาแวะพักเป็นประจำ ในช่วงปี 1888 ที่เมืองรุ่งเรืองถึงขีดสุดนั้นว่ากันว่าบริษัทเรือหนึ่งบริษัทต้องดูแลเรือมากกว่า 100 ลำในหนึ่งปี

ต่อมาการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของการเข้าสู่ยุคสมัยใหม่และความต้องการทรัพยากรธรรมชาติก็ทำให้เกิดอุตสาหกรรมเหมืองแร่ขึ้นที่นี่ด้วย แต่ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1920 เหมืองทองแดงถูกปิด และมีการสร้างทางรถไฟของประเทศขึ้น ทำให้การขนส่งทางทะเลลดลงอย่างรวดเร็ว ความรุ่งเรืองทางการค้าของซากิอุระจึงจบลง ปัจจุบันอุตสาหกรรมหลักของที่นี่คือการประมง

ซางิอุระ

ซางิอุระ ไทฉะ-โช เมืองอิซุโมะ จังหวัดชิมาเนะ (แผนที่)

izumo experience